วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โครงการบ้านยั่งยืน : เหล้าเก่า ในขวดใหม่ มาตรการช่วยเหลือคนจน หรือแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ

โครงการบ้านยั่งยืน : เหล้าเก่า ในขวดใหม่
มาตรการช่วยเหลือคนจน หรือแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ

คมสันติ์  จันทร์อ่อน  กองเลขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค

          รัฐบาลประกาศความคึกคักในการจองที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยในรูปแบบ “โครงการบ้านยั่งยืน” ซึ่งมิใช่โครงการใหม่มาจากไหนแต่เป็น “โครงการบ้านเอื้ออาทร” ที่ดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติ ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลายโครงการร้างไม่มีผู้จอง หรือหลุดจากการผ่อนชำระ ค้างอยู่หลายยูนิต ปัดฝุ่นปรับปรุงใหม่ และอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างอีกจำนวนหนึ่ง มาเปิดให้จองโฆษณาใหม่อีกรอบจำนวน 13,393 ยูนิต  หลังจากที่ประกาศวันเปิดจองตั้งแต่วันแรกวันที่ 28 สิงหาคม 2558 มีประชาชนจำนวนมากไปยืนรอต่อรอรับบัตรคิวตั้งแต่ตี 4 ทั้งนี้เนื่องจากราคาที่ต่ำเป็นที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับประชาชนรากหญ้าพอที่จะมีกำลังจ่ายไหวกัน โดยเริ่มต้นราคาที่ 242,000 บาท
ผู้เขียนเองได้มีโอกาสสังเกตการณ์บรรยากาศที่สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติ (กคช.)  เนื่องจากทราบข่าวช้าเลยกว่าจะถึง กคช. ก็กินเวลาไปเกือบจะ 11.00 น. ปรากฏว่าโครงการที่อยู่อาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 300,000 บาทต่อยูนิต ถูกจองไปหมดเกลี้ยงแล้ว  และอีกหลายยูนิตในราคา 4 – 5 แสนบาท ที่ถูกจองไปแทบเกือบจะหมดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่อยู่ต่างจังหวัด   บรรยากาศด้านหน้า สำนักงาน กคช. เต็มไปด้วยรถยนต์นานาชนิดที่จดเรียงรายเพื่อจอดรอในการเข้าจองที่อยู่อาศัยในงานนี้   ภาพเหล่านี้สะท้อนให้เห็นหลายอย่าง   ไม่ว่าจะเป็นความต้องการที่อยู่อาศัยของคนเมืองยังเป็นคงเป็นความต้องการลำดับต้นๆดูได้จากความกระตือรือร้นมารอคิวกันตั้งแต่เช้า กระนั้นที่อยู่อาศัยที่ กคช. จัดให้จองนั้นยังคงไม่เพียงพอต่อประชาชน   แต่หากจะดูให้ละเอียดลงไปกลุ่มคนที่มาจองนั้นใช่ผู้ที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัยจริงหรือไม่ หรือเป็นกลุ่มที่มีที่อยู่อาศัยอยู่แล้วต้องการเพิ่มเติมจากเดิมหรือไม่ (เช่น เดิมมีบ้านแล้วอยู่กัน พ่อ แม่ ลูก แต่ลูกออกมาขอใช้สิทธิ์ในการซื้อเพียงคนเดียวเป็นบ้านหลังที่ 2 ของครอบครัว)   เนื่องจากคุณสมบัติผู้ที่จะสามารถจองซื้อที่อยู่อาศัย “โครงการบ้านยั่งยืน” ไม่ได้เข้มงวดมากนัก

ภาพวันเปิดจองโครงการบ้านยั่งยืนวันแรก 28 ส.ค. 58 ที่สำนักงาน กทช.
หากจะลองย้อนมาดูกฎเกณฑ์ กติกา ผู้ที่จะมีคุณสมบัติในการได้รับการช่วยเหลือจากโครงการนี้ มีดังนี้
คุณสมบัติผู้ทำสัญญา
  1. มีสัญชาติไทย
  2. บรรลุนิติภาวะ (อายุ 20 ปีขึ้นไป)
  3. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่ติด BLACK LIST หรือ เครดิตบูโรจากสถาบันการเงิน
  4. มีรายได้ครอบครัวไม่เกิน 40,000 บาท/เดือน
  5. สามารถรับภาระและเงื่อนไขการเช่าซื้อได้โดยผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากการเคหะแห่งชาติ
ส่วนหลักฐานในการทำสัญญานอกจากเอกสารยืนยันตัวตนที่ทางราชการออกให้ที่สำคัญต้องมีหนังสือรับรองรายได้ตนเองและคู่สมรส หนังสือรับรองรายได้จากหน่วยงาน สลิปเงินเดือน หรือสำเนาบัญชีเงินฝาก หากไม่มีสลิปเงินเดือนจะต้องมีรูปถ่ายกิจการของตนเอง
หากดูผ่านๆก็คล้ายว่ามีการคัดกรองเอาเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย (มองดูจากข้อ 4) แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งการันตีว่าบุคคลอื่นที่มีรายได้ครอบครัวมากกว่า 40,000ต่อเดือน จะไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยโครงการบ้านยั่งยืนได้  ถ้าหากผู้ซื้อนั้นอยู่อาศัยในปัจจุบันพักอาศัยเพียงคนเดียว หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าอยู่อาศัยเพียงคนเดียว ก็จะทำให้บุคคลนั้นที่มี “เงินเดือนไม่เกิน 40,000 บาทต่อเดือน” สามารถซื้อบ้านโครงการบ้านยั่งยืนได้   และนั้นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้เขียนไม่แปลกใจที่โครงการเหล้าเก่าในขวดใหม่ของรัฐบาลนี้ถูกจองหมดไปด้วยความรวดเร็ว   และอาจจะเกิดขบวนการเก็งกำไรที่อยู่อาศัยตามโครงการต่างๆที่ทาง กทช. เปิดให้ประชาชนจองขึ้นได้   เนื่องจากการกำหนด และตามตรวจสอบที่ผ่านมาของโครงการบ้านเอื้ออาทรเดิมนั้นเอื้อต่อคนเหล่านั้นได้   อีกทั้งข้อจำกัดของพนักงาน กทช. ที่มีจำนวนน้อยไม่สามารถตรวจสอบได้ละเอียดกับทุกราย ทุกโครงการที่มาซื้อที่อยู่อาศัย
ครั้นจะมองถึงการแก้ปัญหาประชาชนรากหญ้าที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด   อาจจะมองดูผ่านจากชุมชนสมาชิกของเครือข่ายสลัม 4 ภาค นั้น การแก้ปัญหาชุมชนด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่เดิมของชาวชุมชนให้น้อยที่สุด ที่ผ่านมาเครือข่ายสลัม 4 ภาค หลังจากที่ต่อสู้เรียกร้องจนได้ที่ดินที่มั่นคงมาไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการเช่าที่ดินระยะยาวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือการรวมกลุ่มตั้งสหกรณ์เคหะสถานเพื่อซื้อที่ดิน ก็จะได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลผ่าน “โครงการบ้านมั่นคง” ที่กำกับดูแลโดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) เพื่อมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภค   และสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย คุณภาพชีวิตดีขึ้น


ภาพการก่อสร้างที่อยู่อาศัยโดยช่างชุมชน โดยใช้งบประมาณจากโครงการบ้านมั่นคง

ซึ่งระบบการบริหารโครงการ “บ้านมั่นคง” ต่างจาก โครงการ “บ้านยั่งยืน” อย่างสิ้นเชิง โดยจะเปรียบเทียบความต่างให้ดูได้ดังนี้
รูปแบบ
โครงการบ้านมั่นคง
โครงการบ้านยั่งยืน
การเลือกทำเล ที่ตั้งชุมชน

ชุมชนร่วมกันตัดสินใจจะเอาที่ไหน ลักษณะแบบใด
การเคหะฯ เป็นผู้เลือกให้
การออกแบบบ้าน ที่อยู่อาศัย
ชุมชนออกแบบเอง ตามกำลังใช้จ่ายของแต่ละครอบครัว พิจารณาโดยชุมชน ซึ่งมีแบบที่หลากหลาย วัสดุอุปกรณ์ตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย
การเคหะฯ เป็นผู้ออกแบบให้ มีไม่กี่แบบให้เลือก
การใช้สินเชื่อ
จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เป็นเครดิตในการใช้สินเชื่อกับทางรัฐบาลดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 4 บาทต่อปี คงที่ตลอด 15 ปี
ต้องมีสลิปเงินเดือน มีธุรกิจ กิจการที่มั่นคง ดอกเบี้ยตามธนาคารทั่วไป
การติดตามการชำระรายงวด
มีความยืดหยุ่น เจรจากันในชุมชน ช่วยเหลือกันในกลุ่ม  ผ่อนปรนไม่แข็งตัว
หากค้างชำระ 3 งวด ติดต่อกัน ยึดกลับคืนทันที ฟ้องร้องตามกฎหมาย ผ่อนปรนไม่ได้
การรักษาสิทธิ์ที่ดิน ที่อยู่อาศัย
ดูแลสิทธิที่อยู่อาศัย / แปลงที่ดินโดยกลุ่ม การซื้อขาย เปลี่ยนสิทธิต้องผ่านมติชุมชน
เป็นปัจเจก อยู่อาศัยได้ระยะเวลาที่กำหนดสามารถซื้อขายได้ตามระบบตลาด

          ดังนั้น  “โครงการบ้านยั่งยืน” จึงไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาประชาชนรากหญ้าที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดได้เลย   ไม่ว่าจะเป็นหลักเกณฑ์ผู้จะซื้อ หรือแม้แต่ทำเลที่ตั้ง อีกทั้งรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ส่วนใหญ่ออกแบบเป็นลักษณะอาคารห้องชุดเป็นหลัก   ซึ่งไม่เหมาะ และไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนจนเมือง
การเข้าถึงของประชาชนรากหญ้าในชุมชนแออัด  หรือถ้าจะให้ตอบกันตรงๆและชัดเจนเลยคือ “โครงการบ้านยั่งยืน” ไม่ได้สอดคล้องกับวิถีชาวสลัม ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน อาชีพ และด้านสังคมความเป็นอยู่ในลักษณะครอบครัวอยู่กันหลายคน   ชาวสลัมส่วนใหญ่จึงตอบรับการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบ “โครงการบ้านมั่นคง” มากกว่า   เพียงแต่ว่าโครงการบ้านยั่งยืนจะตอบโจทย์ความต้องการกับประชาชนชนชั้นกลางมากกว่า
          เลยทำให้นึกไปถึงสถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก  และรัฐบาลพยายามหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ถึงขนาดงัดเอานโยบายประชานิยมต่างๆออกมาใช้ใหม่ที่โดนคัดค้าน และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลวในรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กองทุนหมู่บ้าน และรวมถึงโครงการบ้านยั่งยืน ที่ปัดฝุ่นขึ้นมาจากโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยที่อ้างความช่วยเหลือประชาชนรากหญ้า   แต่แท้จริงแล้วนั้นจุดประสงค์คือต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้มีการใช้จ่ายภายในประเทศโดยใช้โครงการของรัฐอัดเม็ดเงินลงไปที่ชุมชน หมู่บ้าน  ที่เป็นกลุ่มมีความตอบสะนองเร็วในการใช้งบประมาณของรัฐในลักษณะเช่นนี้  ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันวงกว้างว่าเหมาะสมหรือไม่กับมาตรการเหล่านี้

          สุดท้ายเม็ดเงินหลักหลายหมื่นล้านที่ลงไปซ้ำรอยเดิมจากประชานิยมรัฐบาลที่ผ่านมานั้น  จะสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนได้อย่างแท้จริงหรือไม่  หรือเป็นเพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่ เปลี่ยนยี่ห้อ แต่คุณภาพไม่แตกต่างจากเดิม  ในส่วนนี้ทางภาคประชาชนเองยังคงจะจับตามองอย่างใกล้ชิดกันต่อไป.

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภัยเงียบของกลุ่มคนจนที่ดินแปลงรวม

  ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภัยเงียบของกลุ่มคนจนที่ดินแปลงรวม คมสันติ์ จันทร์อ่อน กองเลาขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค “ที่ดิน” ทรัพยากรอันมีจำก...