วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

แถลงการณ์ 4 ปี คสช. การบริหารประเทศที่สอบตก

แถลงการณ์ 4 ปี คสช.
การบริหารประเทศที่สอบตก

นับจากที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำการรัฐประหาร  และประกาศเป็นรัฐาธิปัตย์ มาตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 จากการปฏิบัติการครั้งนั้น  โดยมีข้ออ้างถึงความจำเป็นในการทำรัฐประหารไว้คือจะเข้ามาสลายขั้วสีทางการเมืองต่างๆ ปฏิรูปประเทศในหลายด้านก่อนจัดการเลือกตั้ง เช่น ปฏิรูประบบตำรวจ , ปฏิรูปพลังงาน หรือ ปฎิรูประบบการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม อีกทั้งยังประกาศกำจัด  ถอนรากถอนโคน การทุจริต คอรัปชั่น ในวงการข้าราชการ การเมือง ให้หมดสิ้นไป  และที่สำคัญอีกหนึ่งคำมั่นของ คสช. คือการเข้ามาเพื่อจะลดความเหลื่อมล้ำ  สร้างความเป็นธรรมทางสังคม  ให้เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลของ คสช. โดยจะใช้เวลาไม่นานนัก
แต่นับเวลาล่วงเลยผ่านมา 4 ปี ปรากฎการณ์กลับไม่เป็นดั่งคำมั่นของ คสช. กลับกลายเป็นตรงกันข้าม  เกิดการไล่ล่า จับกุม คุมขัง ฝ่ายที่มีความคิดต่างกับ คสช. หรือแม้แต่เรื่องประกาศเกรี้ยวปราบโกง  สุดท้ายภาพที่เห็นออกมาต่อสังคมคือมีการโกง ทุจริตกันในทุกระดับชั้น  และน่าเศร้าใจหนักลงไปอีกคือการทุจริตเงินสงเคราะห์ของกลุ่มคนยากไร้ ไม่ว่าจะเป็นการโกงเงินคนป่วย โกงเงินเด็กยากจนที่จะต้องไปเรียนหนังสือ   ส่วนในด้านการปฏิรูปต่างๆยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
เครือข่ายสลัม 4 ภาค เห็นว่าการเข้ามาบริหารของรัฐบาล คสช. ไม่สามารถแก้ปัญหาสำคัญใดๆได้  รวมทั้งยังปิดกั้นพื้นที่ในการแสดงออก แสดงความเห็น  ประชาชนไร้สิทธิ เสรีภาพ ในการเสนอทางการแก้ปัญหาสังคม   ถือเป็นการ สอบตก ในการบริหารประเทศในทุกๆด้าน
ในวาระครบรอบ 4 ปี การบริหารประเทศของกลุ่ม คสช. เครือข่ายสลัม 4 ภาค ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังนี้
๑. ให้ดำเนินการปล่อยตัวนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว ที่ดำเนินกิจกรรมการเคลื่อนไหว ในเรื่องต่างๆที่ไม่มีความรุนแรง  ปราศจากอาวุธ ทุกคนในทันที  รวมทั้งเปิดพื้นที่ให้มีการแสดงออกความคิดเห็นด้านต่างๆอย่างอิสระ โดยการยกเลิกคำสั่งต่างๆ  ที่ริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
๒. ให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว  และต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก
๓. รัฐบาลจะต้องมุ่งเน้นการแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน  หยุดข่มขู่ คุกคามแกนนำชุมชนที่เคลื่อนไหวแก้ปัญหา
หากการปกครองในปัจจุบันเป็นระบอบประชาธิปไตยปกติ ในช่วงเวลานี้ประชาชนคงได้มีการเลือกตั้งเพื่อหาผู้แทนมาบริหารประเทศด้วยตนเอง  เครือข่ายสลัม 4 ภาค หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นประเทศไทยกลับไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยดังเดิมโดยเร็ว  และไม่เห็นด้วยกับทำรัฐประหารในการแก้ปัญหาประเทศ

เชื่อมั่นในพลังประชาชน
เครือข่ายสลัม 4 ภาค
23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561




วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ขบวนการเคลื่อนไหวประชาชนมีต้นทุนคือชีวิต



ขบวนการเคลื่อนไหวประชาชนมีต้นทุนคือชีวิต

คมสันติ์  จันทร์อ่อน  กองเลขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค

ในช่วงที่เครือข่ายสลัม ๔ ภาค และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ปัญหาที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ตั้งแต่วันที่ 2 12 พฤษภาคม 2561  ซึ่งมีกรณีปัญหาหลากหลายรูปแบบ การอยู่อาศัยของชาวบ้านก็หลากหลายแตกต่างกันทั้งเมือง และชนบท  แต่ประสบปัญหาที่เหมือนๆกันคือ ถูกหน่วยงานรัฐพยายามใช้คดี กฎหมาย บีบขับออกจากพื้นที่  ถูกทำลายทรัพย์สินเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นพืช สวน ไร่ นา หรือแม้แต่บ้านพักที่อยู่อาศัย เกิดปัญหากลุ่มคนไร้ที่ดินทำกิน ไร้บ้านที่อยู่อาศัยจำนวนมาก

 
จากสถิติตัวเลขของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีประกรที่มีรายได้น้อยไม่มีที่อยู่อาศัยราว ๒.๓ ล้านครัวเรือน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในแผนแม่บทด้านที่อยู่อาศัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ  ที่จะระดมสรรพกำลังของแต่ละหน่วยงานในสังกัด เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน , การเคหะแห่งชาติ ที่ดูแลโดยตรงในเรื่องที่อยู่อาศัยในด้านหาทุนในการสร้างบ้าน   แต่ถึงกระนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชาวบ้านไม่มีเงินในการก่อสร้างตัวบ้าน  กลับเป็น ที่ดินที่เป็นปัญหาหลักสำคัญ ที่ไม่มีพอจะเหลือมาแบ่งปันกันเพื่อใช้ทำกิน และอยู่อาศัย เพราะที่ดินถูกค่านิยมให้กลายเป็นสินค้าไปเสียแล้ว
เครือข่ายสลัม ๔ ภาค และ ขปส. เห็นปัญหาข้างต้นจึงพยายามเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหา และสร้างกติกาใหม่ขึ้นมาให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน ไม่ว่าจะเป็น นโยบายโฉนดชุมชน ที่หัวใจหลักอยู่ที่ชุมชน ร่วมกันจัดการทรัพยากรที่ดินด้วยกัน  สร้างการแบ่งปันทรัพยากรสำคัญที่มีอยู่จำกัดร่วมกัน  มิได้มุ่งหมายเป็นกรรมสิทธิ์เพื่อนำไปเป็นฐานธุรกิจส่วนตัว
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวเพื่อให้รัฐบาลแก้ปัญหาดังกล่าว  เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่รัฐบาลนี้ได้เข้ามามีอำนาจบริหาร  ขปส. ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลมาจนระยะเวลาผ่านเลยมาเกือบจะครบรอบ 4 ปี  แต่ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาแม้แต่อย่างใด   ตรงกันข้ามสถานการณ์ของปัญหากลับรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ   ชาวบ้านไม่สามารถเข้าบ้าน ไม่สามารถเข้าไปทำมาหากินในสวน ในนา ของตนเอง  ที่บุกเบิกแพ้วถางมา   บ้างถูกประกาศให้เป็นที่ดินของรัฐในขณะที่อยู่อาศัยมาก่อน   บ้างถูกเอกชนได้สิทธิ์การใช้ที่ดินในขณะที่ชาวบ้านยังอยู่อาศัย และทำกินในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน   แม้ว่าการชุมนุมติดตามของ ขปส. ในครั้งนี้อาจจะได้มติ บันทึก มาจากกระทรวง หน่วยงานต่างๆมา  ใช่ว่าปัญหาเหล่านี้จะหมดไป  เนื่องจากเป็นการบันทึกถึงแนวทางการแก้ปัญหาเป็นรายกรณี  ที่ยังไม่มีการสั่งการใดๆลงไปในพื้นที่  และไม่ใช่นโยบายที่จะสรรค์สร้างให้เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืนแต่อย่างใด
จากการเคลื่อนไหวชุมนุมติดตามในแต่ละกระทรวง  พบเห็นท่าทีของฝ่ายบริหารระดับสูงที่เปลี่ยนไป  ดูคล้ายนักการเมืองช่วงใกล้การเลือกตั้งยิ่งนัก   หรือจะประจวบเหมาะกับที่ใกล้จะถึงเส้นชัยโรดแมพที่ทางนายกรัฐมนตรีประกาศไว้ในต้นปีหน้าจะเกิดการเลือกตั้ง  ประกอบกันสถานการณ์ที่เกิดการเคลื่อนไหวของนักการเมืองเริ่มขยับหาหลัก หาที่อยู่ กันแล้ว  บ้างอยู่บ้านเดิม  บ้างอยู่บ้านใหม่  แต่ที่แน่ๆจะไม่ว่าเก่า หรือใหม่  การแก้ปัญหาปากท้องยังไม่ได้รับการแก้ปัญหา  อย่างที่ ขปส. ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องมา 2 รัฐบาล และรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ 3 นั้น
ตรงข้ามปฎิกิริยาของนายกรัฐมนตรีกับมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับคนจนจากการให้ความเห็นถึงการเคลื่อนไหวของ ขปส. หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดบุรีรัมย์ ของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา   ในหลายประเด็นยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงนายกรัฐมนตรีไม่ทราบข้อเท็จจริงความเดือดร้อนของ ขปส.  การกล่าวหาประชาชนรากหญ้าเรียกร้องเอาแต่ของฟรีนั้น  ต้องดูประเด็นถึงการก่อเกิดของปัญหาเหล่านั้นว่าที่มาที่ไปเป็นเช่นไร  หากคนอยู่ก่อนการประกาศเขตป่าแล้วนั้น   นี่เป็นสิทธิที่ประชาชนต้องเรียกร้องเอาสิทธิคืนมิใช่หรือ   และนายกรัฐมนตรีไม่ต้องกังวลถึงจะมีประชาชนกลุ่มต่างๆมาเรียกร้องกันอีก  ถ้าหากสังคมไทยมีความเป็นธรรมที่เท่าเทียมและทั่วถึงในทุกชนชั้น
อยากจะขอชี้แจงการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีได้ข้อมูลข้างเดียวคือเหล่าข้าราชการที่ส่งเรื่องไปรายงานอย่างไม่ครบถ้วนให้ได้เข้าใจ  หากเป็นทางพี่น้องคนจนชนบท  การขอใช้ที่ดิน สปก. ที่กลุ่มทุนหมดสัมปทานไปนานแต่ยังใช้ประโยชน์อยู่โดยไม่ได้จ่ายอะไรให้กับรัฐเลย แล้วพี่น้องเกษตรกรที่ไร้ที่ดินเข้าไปทำกินในที่ สปก. แล้วทวงที่ดินกลับมาให้เป็นของ สปก. ดังเดิม  ที่ต้องแลกด้วยชีวิต เลือด เนื้อ ของเขาเหล่านั้นคงไม่ใช่การเรียกร้องเอาฟรีๆอย่างที่นายกฯเข้าใจ
กลับมองในด้านทางคนจนเมืองข้อเรียกร้องของเครือข่ายสลัม 4 ภาค มีอยู่ข้อเรียกร้องหนึ่งว่า ให้รัฐอุดหนุนระบบสาธารณูปโภค น้ำประปา ไฟฟ้า แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยของรัฐ นั้น จะขอชี้แจงรายละเอียดดังนี้ว่า  การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจนเมืองภายนโยบายโครงการบ้านมั่นคง ที่ดำเนินการโดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)  รัฐสนับสนุนงบประมาณเพื่อนำมาสร้างที่อยู่อาศัยใหม่จำนวน 80,000 บาทต่อหน่วย เท่ากับโครงการบ้านรัฐเอื้อราษฎร์ ที่ดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติ (กคช.)  แต่การดำเนินงานต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่ กคช. สามารถทำสัญญาว่าจ้างใช้งบทั้ง 80,000 บาทต่อหน่วยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย  ส่วน พอช. จะต้องนำเงิน 80,000 บาท มาจัดสรรออกเป็น 3 กอง ใหญ่ๆ คือ บริหารตัวโครงการบ้านมั่นคง , การพัฒนาขบวนชุมชน และสุดท้ายคือการก่อสร้างที่อยู่อาศัย จาก 80,000 บาทต่อหน่วยจะเหลืออยู่ราว 50,000 บาทต่อหน่วย
แน่นอนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่จำเป็นต้องมี ที่ดินและที่ดินในเมืองยกตัวอย่างเช่นกรุงเทพมหานคร  คนจนหมดสิทธิ์ที่จะใช้ที่ดินใจกลางเมืองหลวงแน่ๆถ้าสถานการณ์ที่ดินยังคงเป็นสินค้า และรัฐยังหวงแหนที่ดินให้กับการทำประโยชน์เชิงพานิชย์   คนจนจึงต้องหาที่ดินชานเมือง  และมีสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก  ทำให้การลงทุนในการปรับพื้นที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเยอะมากพอสมควร  และระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ยังเข้าไม่ถึงหรือถึงแต่ไม่เพียงพอจำเป็นต้องขยายเขต ขยายกำลังในการให้บริการเพิ่มมากขึ้น
ระบบของการไฟฟ้า การประปา ทั้งนครหลวง และภูมิภาค มีความคล้ายกันคือ เริ่มต้นต้องให้ผู้ขอเข้าไปทำเรื่องขอประเมินค่าใช้จ่ายการติดตั้งระบบปักเสา พาดสาย (คนละอย่างกับขอติดตั้งมิตเตอร์ของบ้านแต่ละหลัง) ซึ่งขั้นตอนการประเมินก็จะต้องเสียค่าใช้จ่าย  ถึงแม้ว่าภายหลังเราตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ก็ไม่สามารถเรียกเงินในส่วนนี้กลับคืนได้
ขั้นตอนต่อไปหากเราพึงพอใจ หรือ มีกำลังในการจ่ายไหวตามราคาที่หน่วยงานประเมินมาให้เราจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 100ก่อนภายใน 3 เดือน ไม่เช่นนั้นค่าใช้จ่ายที่ประเมินไว้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้  และอาจจะต้องประเมินใหม่ (นั้นหมายถึงว่าต้องเสียค่าประเมินใหม่ด้วย)  หลังจากที่มีการชำระเงินไปแล้ว การไฟฟ้า การประปาจึงจะลงมาดำเนินการติดตั้งระบบให้ หลังจากที่มีการปักเสา พาดสายไฟฟ้า หรือวางแนวท่อประปา แล้วเสร็จ  อุปกรณ์ทุกอย่างคือของทางราชการทันที  เราไม่มีสิทธิ์เคลื่อนย้ายหรือกระทำการใดๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานนั้นๆ
หลังจากนั้นจึงถึงขั้นตอนให้เจ้าบ้านในแต่ละหลังไปยื่นขอติดตั้งมิตเตอร์น้ำ ไฟฟ้า ของตัวเองก็จะมีค่าใช้จ่ายค่าหม้อไฟ มาตรวัดน้ำอีกต่างหาก แล้วแต่ว่าผู้ขอต้องการใช้ขนาดไหนอย่างไร (และก็เช่นกันหม้อไฟ และมาตรวัดน้ำก็จะกลายเป็นของหลวงเหมือนกัน)
จากนั้นการไฟฟ้า การประปา ก็จะส่งพนักงานมาจดเลขค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพื่อเก็บเป็นรายได้ขององค์กรตนเอง  แต่ในใบเสร็จยังคิดค่าบริการอยู่ในนั้นอีกซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าค่าบริการอะไร


  

หากดูตั้งแต่ต้นขั้นตอนไหนที่การไฟฟ้า การประปา ลงทุนจากองค์กรตัวเองบ้าง  นี่ยังไม่นับสัดส่วนภาษีกองกลางที่ต้องตัดส่วนแบ่งมาให้ทั้ง 2 องค์กรนี้เพื่อมาเป็นเงินเดือน สวัสดิการต่างๆ ภายใต้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ไม่เคยขาดทุนทั้ง 2 องค์กรนี้ได้กำไรมาจาก การมีทุนของตัวเองจาก ภาษีของประชาชนและหากำไรจาก ค่าบริการรายเดือน”  แต่ไม่เคยลงทุนอะไรเลยในเส้นทางการดำเนินงาน
นี่คือรายละเอียดว่าทำไมเครือข่ายสลัม 4 ภาค จึงต้องมีข้อเรียกร้องดังกล่าวออกมา  ไม่ใช่ขอฟรีอย่างที่นายกรัฐมนตรีเข้าใจ  แต่ที่มาที่ไปเป็นอย่างที่ชี้แจงข้างต้น  และกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ว่าให้ประกาศนโยบายอุดหนุนทั่วประเทศ  แต่ให้นำร่องเฉพาะโครงการของรัฐที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่มีความเดือดร้อนอยู่จำนวนมาก  รัฐบาลจะมองอย่างไรเมื่อชาวบ้านดิ้นรนได้ที่ดิน แล้วสร้างบ้านสวยงาม  แต่ท้ายสุดไม่มีปัญญาใช้ไฟฟ้า ประปา ของรัฐได้ต้องไปพ่วงสายต่อท่อจากที่ข้างเคียงอย่างที่เขาเคยอยู่ในสลัมเช่นนั้นหรือ
ฉะนั้นแล้วการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในนาม ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ไม่ได้เป็นการร้องขอให้สงสาร  แล้วรัฐจัดสงเคราะห์ให้เป็นรายๆไป  แต่การเคลื่อนไหวนี้เรามีต้นทุนที่สูงมากเดิมพันด้วยที่ดินทำกิน  ที่อยู่อาศัย  ชีวิต วิถีวัฒนธรรม  หากพ่ายแพ้สิ่งเหล่านั้นก็จะมลายหายไปด้วยเช่นกัน  ไม่มีอะไรจะได้มาฟรีๆในโลกนี้  จึงอยากจะให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เข้าใจคนยากคนจนที่ต้องออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องด้วย
ถึงแม้นว่าการชุมนุมของ ขปส. จะยุติลง  แต่ปัญหาในทุกๆเรื่องยังไม่ได้ยุติตาม  หากจับตาดู คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฎิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายก โดยพลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ เป็นรองประธาน  ได้ส่งเสนาธิการทหารบกมาเจรจาเพื่อแสดงความห่วงใยในการแก้ปัญหา  และได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับผู้แทน ขปส.



        ปัจจุบันคณะกรรมการดังกล่าวได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุดเพื่อแก้ปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมโดยเฉพาะ ที่มีกรณีปัญหา 172 กรณี แต่ครอบคลุมพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชุมชนกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค  และในคณะอนุกรรมการนั้นเองจะประกอบยไปด้วยปลัดกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา ขปส. ราว 7 กระทรวงหลักๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนับสิบหน่วยงาน  เรายังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสัญญาณจากรัฐบาลที่ประกาศจะให้เห็นผลของการปฎิรูปภายใน 8 เดือน (นั้นหมายถึงอีก 1 เดือนจะมีการเลือกตั้ง) จะเห็นผลเป็นรูปธรรม  หรือแค่การหาเสียงล่วงหน้าอย่างที่พรรคการเมืองในอดีตเขาได้ทำๆกันมาก่อนแล้ว  ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม จะยังคงติดตามการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภัยเงียบของกลุ่มคนจนที่ดินแปลงรวม

  ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภัยเงียบของกลุ่มคนจนที่ดินแปลงรวม คมสันติ์ จันทร์อ่อน กองเลาขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค “ที่ดิน” ทรัพยากรอันมีจำก...