วันที่อยู่อาศัยโลก
สิทธิพื้นฐานที่กลายเป็นสินค้า
คมสันติ์ จันทร์อ่อน กองเลขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค
ตามที่องค์การสหประชาชาติ
ได้กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ของทุกปี เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัย การมีที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง หรืออยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสม
รวมถึงปัญหาด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนยากจนในทุกภูมิภาคของโลก
สาเหตุของสภาพปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัยดังกล่าว
เกิดจากแนวคิดและรูปธรรมการพัฒนาทุนนิยมแบบสุดขั้ว การพัฒนาเมืองที่ตอบสนองต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ
การเป็นเมืองที่ทันสมัย ซึ่งการพัฒนาต่างๆ
เหล่านี้สร้างความมั่งคั่งให้กับคนกลุ่มหนึ่ง พร้อมกับการเบียดขับคนจนออกไปจากพื้นที่
คนยากจน และผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้ ต้องถูกแย่งชิงที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย โดยปราศจากความรับผิดชอบใดๆ
องค์การสหประชาชาติตระหนักถึงปัญหา
และผลกระทบดังกล่าว จึงกำหนดให้มีวันที่อยู่อาศัยโลก เพื่อให้สาธารณชน
และรัฐบาลนานาประเทศให้ความสำคัญ และมีมาตรการในการแก้ปัญหา และเป็นวันที่คนจนในหลายๆ ประเทศ จัดรณรงค์เพื่อสะท้อนปัญหา
และนำเสนอมาตรการต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย
ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม
ในประเทศไทย จากการทำงานของเครือข่ายสลัม 4 ภาค เราพบว่า
มีชุมชนที่อยู่ในสถานการณ์ไล่รื้อ จำนวน 86 ชุมชน 8,100 ครอบครัว 34,000
คน (ข้อมูลปี พ.ศ. 2558 จากการสำรวจร่วมกับการเคหะแห่งชาติบางส่วน
และเป็นสถิติภายในพื้นที่ทำงานของเครือข่ายสลัม 4 ภาค) อันเนื่องมาจากโครงการ
การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง การขยายทางคู่
ที่มีแผนการก่อสร้างในทุกภาคของประเทศไทย
เป็นการเอื้ออำนวยต่อการลงทุนทั้งทุนในประเทศ และทุนข้ามชาติ โครงการการจัดการน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร
ที่เริ่มใน 9 คลองหลัก
และในพื้นที่เอกชนที่อยู่ใกล้บริเวณโครงการพัฒนาของรัฐ
ที่เป็นพื้นที่เปิดเหมาะแก่การลงทุน เช่น การสร้างคอนโดมีเนียม เป็นต้น โครงการพัฒนาเหล่านี้ส่งผลกระทบให้ชุมชนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมทางรถไฟ
ริมคลอง และในพื้นที่เอกชน ต้องถูกไล่รื้อ
ถูกรื้อย้ายชุมชน ถูกแย่งชิงที่ดินไปให้กับการพัฒนาที่ไม่รับผิดชอบต่อคนจน
และอาจต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัยในอนาคต
ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงชุมชนในชนบทที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
จากแผนพัฒนาของรัฐ เช่น แผนแม่บทป่าไม้ – ที่ดิน การให้สัมปทานขุดเจาะทำเหมืองแร่
การสร้างโรงไฟฟ้า ที่กำลังทำให้คนในชนบทต้องสูญเสียที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย
เป็นจำนวนมาก และเริ่มจะเห็นภาพการล่มสลายของชนบทได้อย่างชัดเจนดังที่จะพบในชุมชนแออัดจังหวัดเชียงใหม่ที่จะมีชาวพื้นเมืองเผ่าต่างๆเข้ามาอาศัยอยู่กัน
สถานการณ์ปัญหาดังกล่าว
เป็นผลมาจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐ
ทำให้คนจนต้องประสบกับสภาวะการไร้ที่อยู่อาศัย ครอบครัว และชุมชนต้องล่มสลาย ไม่มีกลไก
มาตรการ หรือนโยบายของรัฐบาลที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา
และขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการพัฒนาในระดับประเทศ
และในท้องถิ่นของตนเอง
ในฐานะที่ประเทศไทยได้ร่วมลงนามกับองค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 25 กันยายน
2558 ผู้นำประเทศกว่า 193 ชาติได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ
(UN General Assembly) ณ กรุงนิวยอร์ค เพื่อรับรองวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. 2030 "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 17
ประการ" (The Global Goals for Sustainable
Development) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนดังกล่าว
จะกลายเป็นทิศทางการพัฒนาทั้งของไทยและของโลกต่อจากนี้ โดยข้อที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย คือข้อที่ 1 ข้อที่ 10 และข้อที่ 11
ในเป้าหมายของ SDGs
ซึ่งปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญที่รัฐบาลไทยต้องใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่จากสถานการณ์ความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของประเทศไทยในปัจจุบัน การไล่รื้อชุมชนยังคงเห็นกันอยู่เนืองๆ อย่างที่เห็นตัวอย่างการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ
ที่มีภาคประชาชนหลายส่วน นักวิชาการหลายแขนง
ที่ยืนยันได้ว่าการพัฒนาพื้นที่โดยไม่ต้องไล่รื้อชาวบ้านนั้นสามารถทำได้ แต่หน่วยงานกรุงเทพมหานครยังคงยืนยันที่จะต้องรื้อชุมชนนี้ให้ได้โดยอ้างหลักกฎหมายเป็นความชอบธรรมในการไล่รื้อครั้งนี้
เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าหน่วยงานรัฐที่ครองที่ดินไว้เยอะแต่ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาด้านสังคมนั้น และยังคงหวงแหนที่ดินเป็นอย่างมาก แต่การใช้เชิงพาณิชย์ของทางด้านเอกชน
ภาพการเข้ารื้อชุมชนป้อมมหากาฬ 3
กันยายน 2559
วันที่อยู่อาศัยโลกในปีนี้ เครือข่ายสลัม 4 ภาค และ
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม จะร่วมกันเดินขบวนรณรงค์
เพื่อติดตามข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นไว้ต่อรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559
ที่ผ่านมา ดังนี้
1.
ด้านที่อยู่อาศัย
1.1
โครงการของรัฐที่สนับสนุนการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัย รัฐบาลต้องมีนโยบายให้การประปา และการไฟฟ้า
ดำเนินการต่อขยายระบบประปา และไฟฟ้า เพื่อให้บริการในพื้นที่โครงการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากชาวบ้าน
เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับคนจน
1.2
โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ที่มีผลกระทบในด้านที่อยู่อาศัยต่อชุมชน รัฐบาลต้องบวกงบประมาณในการดำเนินการในส่วนนี้
เป็นต้นทุนของโครงการด้วย เช่น
โครงการพัฒนาระบบรางในพื้นที่ จ.สงขลา
ที่ได้มีการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนที่ได้รับผลกระทบ กับการรถไฟแห่งประเทศไทย
และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ซึ่งต้องนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี
ให้การสนับสนุนในการแก้ปัญหาดังกล่าว
2.
การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนจนเมือง
2.1 รัฐบาลต้องผลักดันให้มีการออกกฎหมายบำนาญแห่งชาติ
เพื่อ ให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันทางรายได้ขั้นพื้นฐาน
ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ยากลำบาก
2.2 รัฐบาลต้องสนับสนุนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้
โดยไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลปลายทาง
และต้องพัฒนาระบบสุขภาพทุกระบบให้มีคุณภาพ เท่าเทียมกัน
2.3 ระบบหลักประกันสุขภาพ
ต้องให้สิทธิการรักษาพยาบาลครอบคลุมถึงกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ โดยให้มีการจัดตั้งกองทุนรักษาพยาบาลสำหรับผู้เข้าไม่ถึงสิทธิ์
3.
การแก้ปัญหาที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และทำกิน
3.1 ต้องจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) และเดินหน้าการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินตามนโยบายโฉนดชุมชน โดยการส่งมอบพื้นที่นำร่องสำหรับชุมชนที่อยู่ในที่ดินสาธารณะที่ผ่านกระบวนการขั้นตอนพิจารณาของ
ปจช. และเร่งผลักดันร่างพรบ.สิทธิชุมชน และการจัดการทรัพยากร
3.2 ต้องดำเนินการคุ้มครองพื้นที่พิพาทที่มีคนจนอยู่อาศัย
และทำกิน ที่อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา เพื่อคุ้มครองไม่ให้ถูกขับไล่
และดำเนินคดี
3.3 ต้องเร่งจัดตั้งพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน เพื่อให้คนจนสามารถเข้าถึงที่ดินเพื่อทำกิน
และอยู่อาศัย
เนื่องในโอกาสวาระวันที่อยู่อาศัยโลกประจำปี 2559 นี้ เครือข่ายสลัม 4 ภาค
ในฐานะที่เป็นขบวนการของชาวสลัม และคนไร้บ้าน ในประเทศไทย
ขอเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ
ใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการกระตุ้นเตือนให้รัฐบาลไทย และรัฐบาลของประเทศต่าง
ๆ ดำเนินการพัฒนา ที่เคารพต่อสิทธิมนุษยชน และสิทธิที่จะมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนทุกคน