คนจนจะหมดไปจากประเทศไทย ภายใน 1 ปี ???
คนสันติ์ จันทร์อ่อน กองเลขาเครือข่ายสลัม 4ภาค
ต้อนรับปีใหม่ กันแล้ว ประชาชนคาดหวังว่าจะมีสิ่งดีๆเข้ามา และจับจ้องโรดแมพ ปลายปี 61 จะเกิดการเลือกตั้งตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้หรือไม่ รวมถึงการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนซึ่งในปีที่ผ่านมารัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก “ผลงานไม่เข้าตา” คนยากจนปัญหายังหนัก ซ้ำยังช่วงปลายปีรัฐบาลยังประกาศไว้ว่า “ในปี 61 คนจนจะหมดไปจากประเทศ” จริงหรือ???
ในด้านความมั่นคงในที่อยู่อาศัยในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา มีหลายชุมชนยังต้องประสบกับการถูกไล่รื้อ ไม่ว่าจะเป็นการไล่รื้อโดยเอกชน หรือ หน่วยงานรัฐ ความรุนแรงในการใช้กำลังไล่รื้อในยุคสมัยนี้ไม่ค่อยจะได้พบเห็นแล้ว
แต่วิธีการขับไล่โดยกฎหมายกับใช้อย่างเข้มข้นมากขึ้น ในช่วงปีที่ผ่านมามีชุมชนถูกบังคับ ขับไล่ หลายชุมชน ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างชุมชนที่ถูกไล่รื้อในปีที่ผ่านมา
-
ชุมชนบางปิ้ง อำเภอเมือง
จังหวัดสมุทรปราการ
ชุมชนถูกกลุ่มบริษัทเอกชนฟ้องขับไล่
แล้วใช้มตารการทางกฎหมายตามจับชาวบ้านระหว่างออกเดินทางไปทำงาน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวชุมชนต้องหาเงินประกันตัวกันหลายราย
-
ชุมชนคลองเป้ง
เขตวัฒนา กทม. ถูกสำนักงานเขตวัฒนาดำเนินการขับไล่ โดยใช้คำสั่งคณะปฎิวัติ ปี 2502 (ปว.44)
ในการขับไล่ชาวชุมชน ซึ่งคำสั่ง ปว.44
นี้เอง ชาวชุมชนหมดสิทธิ์ที่จะต่อสู้ในทางชั้นศาลได้เลย เพราะเป็นอำนาจเต็มให้เจ้าหน้าที่สามารถรื้อย้ายชุมชนได้โดยไม่ต้องขึ้นศาลใดๆ
-
ภาพการบังคับคดีไล่รื้อชุมชนบางปิ้ง
-
ชุมชนบางกอกน้อย
2 เขตบางกอกน้อย กทม. ถูกสำนักงานโยธากรุงเทพมหานคร ไล่รื้อ
เนื่องจากแนวที่ตั้งชุมชนเป็นเขตการก่อสร้างขยายถนนเลียบทางรถไฟ ถึงแม้ว่าชุมชนนี้จะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ
แต่กระบวนการการขับไล่โดยไปสร้างความแตกแยกภายในชุมชน ซึ่งเลวร้ายไม่ต่างกัน
-
ชุมชนบ่อสีเสียด
อำเภอเมือง จังหวัดตรัง
ถูกการรถไฟแห่งประเทศไทย ฟ้องดำเนินคดีบุกรุก เตรียมจะดำเนินการจับกุมชาวบ้าน สาเหตุมาจากมีเอกชนไปฟ้องศาลปกครองว่าการรไฟฯ
ปล่อยให้คนมาอยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟฯแล้วทำให้ทัศนียภาพของเขาไม่สวยงาม
การรถไฟฯจึงมาดำเนินคดีกับชาวชุมชนบ่อสีเสียดอีกทอดนึง
การไล่รื้อชุมชนในกรณีตัวอย่าง
มีความต่างกันจากความเป็นเจ้าของที่ดิน
และกระบวนการการใช้กฎหมายเข้ามาเป็นเงื่อนไขไล่รื้อที่ไม่เหมือนกัน แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันทุกกรณีคือ
“ไม่มีหน่วยงานรัฐดูแล” สวนทางยุทธศาสตร์ 20 ปี
ด้านที่อยู่อาศัยที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ประกาศไว้ และดูเหมือนว่าคนจนจะหมดไปจากประเทศตามที่รัฐบาลประกาศไว้
จะเป็นการเก็บคนจนเข้าคุก???
ปรากฎการณ์ที่เห็นอยู่ปัจจุบัน
การแก้ปัญหาของรัฐบาลสำหรับคนจนที่ไร้ที่ดิน ที่อยู่อาศัย
มักจะจบลงคือต้องถูกดำเนินคดีเข้าคุก
ด้วยเหตุที่ว่าคนเหล่านั้นเพียงแค่ “จน” ไม่มีเงินจะไปซื้อที่ดินที่เป็นสินค้าราคาแพงในปัจจุบันได้ ยิ่งคนจนเมืองที่ราคาที่ดินตารางวาหลายหมื่น
หลายแสนบาท
การเข้าถึงที่ดินจะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย สิทธิการอยู่อาศัยในเมืองของคนจน
อยู่ที่ไหน???? หรือในเมือง เขตเมือง
เป็นเขตชั้นที่ตั้งขึ้นสำหรับชนชั้นคนรวยเพียงเท่านั้น
มติคณะรัฐมนตรีแรกของปี
2561 ที่พยายาม “ขาย” บ้านประชารัฐให้ออก
มีมติเห็นชอบ “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง บนที่ดินราชพัสดุ
ระยะที่ 2 จำนวน 8 แปลง ครอบคลุม 4
ภาค อาทิ 1.อำเภอ สัตหีบ ชลบุรี 2.อำเภอ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ 3.อำเภอเมือง อุดรธานี
4.อำเภอเมือง นครพนม เนื้อที่รวมทั้งหมด 317 ไร่ 2 งาน 49.90 วา 2,757
ยูนิต ยูนิตละ 3.5 – 7 แสนบาท
โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมาย
3 กลุ่มคือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มที่สองคือกลุ่มประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน
35,000 บาทต่อเดือน
กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มประชาชนทั่วไป
ซึ่งจะพิจารณาให้จากกลุ่มแรกก่อนเป็นสำคัญ
หากยังเหลือจึงมาเป็นกลุ่มที่สอง และหากยังเหลือก็จะเป็นกลุ่มที่สาม
ถึงจะสามารถซื้อได้ ลองหลับตานึกภาพสำหรับคนที่มีเงินเดือนไม่ถึง
8,300 บาทต่อเดือน (ปีละไม่เกิน 100,000 บาท)
จะต้องมาชำระจ่ายรายเดือนราว 3,000 บาทต่อเดือน เหลือเงินใช้จ่าย 5,300 บาทต่อเดือน เพียงพอต่อการใช้จ่ายหรือไม่ หรือจะต้องไปเป็นหนี้ในระบบ นอกระบบ
เป็นปัญหาใหม่เกิดขึ้นต่อไป
สุดท้ายแล้วโครงการดังกล่าวจะไปตกอยู่ในกรรมสิทธิ์ของคนกลุ่มใดกันแน่???
ความมั่นคงในที่อยู่อาศัยของคนจนเมืองยังคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนจนเมือง โครงการบ้านประชารัฐที่รัฐบาลกำลังโหมกระหน่ำโฆษณาทุกวันเวลา
18.00 น. ปรากฏว่าโครงการดังกล่าวนอกจากไม่ได้ช่วยเหลือคนไม่มีที่อยู่อาศัยแล้วเพราะไม่ผ่านกฎเกณฑ์ เนื่องจากการเข้าถึงบ้านของการเคหะฯก็ไม่ได้ต่างจากธนาคารพานิชย์ทั่วไป
แต่นโยบายโครงการดังกล่าวยังเป็นช่องทางทำเงินสำหรับคนรวยที่สามารถกว้านซื้อแล้วนำไปปล่อยเช่า
หรือขายทำกำไรต่อไปได้
หากเข้าเวปไซค์จะหาซื้อบ้านที่การเคหะฯจะพบเห็นว่ามีคนมาขายต่อ
หรือปล่อยเช่า เยอะแยะเต็มไปหมด
มติคณะรัฐมนตรี
อาทิตย์ถัดมา มีมติจะเพิ่มวงเงินอุดหนุนช่วยเหลือ
อนุมัติมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 2
แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี
2560 ภายใต้งบประมาณ 35,679.09 ล้านบาท
หรือพูดง่ายๆคือ จะเพิ่มวงเงินต่อเดือนให้สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ
สำหรับคนที่ได้ 300 บาทต่อเดือนก็จะเป็น 500 บาทต่อเดือน ส่วนคนที่ได้ 200
บาทต่อเดือน ก็จะได้รับ 300 บาทต่อเดือน
แต่ !!! มีเงื่อนไขต้องลงทะเบียนเข้าร่วมการพัฒนารายบุคล
ทั้งฝึกอาชีพและพัฒนาทักษะ ตามที่รัฐบาลกำหนด
โดยผู้ที่เข้ารับการฝึกอาชีพจะได้รับเงินในเดือนถัดไปหลังจากที่ได้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้จนถึงเดือน
ธ.ค. 2561 และในการดำเนินการดังกล่าว หากผู้ที่เข้าร่วมฝึกอบรมผิดเงื่อนไขไม่ทำตามที่กำหนดไว้
รัฐจะหักเงินเพิ่มในเดือนถัดไปออกทันที
ซึ่งยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะกำหนดการฝึกอย่างไร ใช้ระยะเวลานานขนาดไหน สอดคล้องกับคนที่ยากจนมากน้อยเพียงใด
รัฐบาลพยายามจะให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นพระเอกในการแก้ปัญหาคนจนในประเทศ
โดยที่ไม่หันมองด้านหลังว่ากระบวนการคัดกรองความยากจนของผู้ได้รับบัตรนั้นมีปัญหามากเพียงใด ยังมีกลุ่มคนจนอีกหลายคนที่ตกหล่นไม่ได้รับสิทธิ์ และมีอีกหลายคนที่ไม่สมควรจะได้สิทธิ์ดังกล่าว
และมาตรการใหม่ออกมากลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยากจนจริง จะมีศักยภาพเข้าถึงได้จริงหรือไม่ นี่คือรูปแบบการทำงานที่ไม่ต่างไปจากรัฐบาลเดิมๆที่เคยทำ
“ปัญหาเก่าไม่แก้ สร้างประเด็นใหม่ขึ้นมา”
กลุ่มคนจนที่ไม่มีแม้กระทั่งเงินเปิดบัญชีธนาคาร
กลุ่มเหล่านี้แทนที่จะเป็นกลุ่มแรกๆที่จะได้รับเงินอุดหนุนช่วยเหลือ
แต่กลับกลายเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงิน กลุ่มคนที่เปิดบัญชีให้กับชุมชน / หมู่บ้าน
เพื่อการออมทรัพย์ของคนยากจน
เป็นอีกกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็นคนรวย
ปัญหาเหล่านี้รัฐบาลกลับปล่อยปละละเลย
สุดท้ายแล้วคำประกาศของรัฐบาลที่จะทำให้คนจนหมดไปจากประเทศไทยก็เป็นได้เพียงคำโอ้อวดคำโต
สุดท้ายคนจนก็ยังคงอยู่ในวังวนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
หากรัฐบาลยังไม่สามารถที่จะคิดหาทางแก้ปัญหาได้
ก็ควรที่จะเร่งมือเดินหน้าให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อจะได้ให้พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ให้ประชาชนได้เสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง นำไปเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกจุดจะดีกว่า !!!