นับถอยหลัง...ปิดฉากชุมชนคลองเป้ง
คมสันติ์ จันทร์อ่อน
กองเลขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค
เมื่อราว 2 ปี
ก่อนชาวบ้านรัมคลองเป้งประสานงานมายังทีมหยุดไล่รื้อเร่งด่วนของเครือข่ายสลัม 4 ภาค
เนื่องด้วยชุมชนคลองเป้งถูกทางกรุงเทพมหานครดำเนินคดีตามกฎหมาย
ประกาศคณะปฎิวัติฉบับที่ 44 พ.ศ. 2502 ให้รื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกภายใน
30 วัน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ไม่เปิดโอกาสให้ชาวชุมชนสามารถขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมได้ และปัญหานี่เองทำให้เราได้รู้จักกัน
ชุมชนคลองเป้ง เป็นชุมชนขนาดกลางๆมีผู้อาศัยอยู่ราว
68 หลังคาเรือน ตั้งอยู่ตามแนวลำรางสาธารณะคลองเป้ง เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร อาศัยอยู่มายาวนานราว 30 ปี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ
ทำมาหากิน อยู่บริเวณชุมชนไม่ไกลนัก
เป็นแรงงานนอกระบบบ้าง ลูกจ้างตามร้านรวงในย่านทองหล่อ เป็นแรงงานราคาถูกเพื่อเติมเต็มกลไกเมืองให้ขับเคลื่อนหมุนไปได้
สภาพที่อยู่อาศัยชุมชนคลองเป้งเดิม
การได้มาประสบพบเจอกันท่ามกลางปัญหาอันหนักอึ้งกับกฎหมายที่ยังล้าหลัง
ละเมิดสิทธิมนุษยชนฉบับนี้
เป็นสิ่งที่ยากพอสมควรในการแก้ปัญหา เนื้อหาภายในตัวประกาศมีความบางส่วนว่า
“ในกรณีที่ปรากฏว่าได้มีการปลูกสร้างอาคารหรือปลูกปักสิ่งใดๆ
ลงในที่ดินในแม่น้ำลำคลอง
อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือเป็นที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือรุกล้ำเข้าไปในที่ดังกล่าว
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งจังหวัดซึ่งสถานที่นั้นตั้งอยู่
และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปตรวจสถานที่นั้นๆ
ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจแล้วเห็นว่าสถานที่ซึ่งปลูกสร้างอาคารหรือปลูกปักสิ่งใดๆ
ลงเป็นที่ดินหรือแม่น้ำลำคลองอันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือเป็นที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยแน่ชัดปราศจากสงสัย
ก็ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือแจ้งให้บุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสิ่งปลูกปักนั้น
ให้รื้อถอนไปให้พ้นที่อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
หรือในกรณีที่ไม่ปรากฏตัวผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ก็ให้ปิดคำสั่งนั้นไว้ ณ
อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น
และเมื่อครบกำหนดเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ออกคำสั่งนั้นแล้ว
ยังไม่มีการรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นออกไป
ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดินจัดการรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นได้
ในการนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจขายโดยวิธีที่เห็นสมควรซึ่งทรัพย์สินที่รื้อถอนหรืออยู่ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น
และให้นำความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๒๗
มาใช้บังคับแก่เงินที่ขายทรัพย์สินนั้นได้โดยอนุโลม” เห็นชัดว่าประกาศฉบับนี้ผู้ใดถูกบังคับใช้หมดสิทธิ์ขึ้นศาล
หรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้เลย
ประกาศแจ้งรื้อย้ายชุมชนคลองเป้งตาม
ปว.44
กระทั่งเครือข่ายสลัม 4 ภาค ได้ประสานกับทางผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตวัฒนา
เพื่อยืดระยะเวลาการบังคับใช้ ปว.44 กับชุมชนคลองเป้ง จนได้กรอบระยะเวลา 18
เดือนขึ้นมา ตามแผนชาวชุมชนช่วยกันวางไว้ว่า ระยะเวลาประมาณนี้น่าจะหาที่รองรับแห่งใหม่ให้กับตัวเองได้ทัน และยังดีกว่า 15
วันที่ทางสำนักงานเขตมาติดประกาศไว้เสียอีก
การติดประกาศไล่รื้อคราวนี้
ไม่ใช่เรื่องเล่นอีกแล้วสำหรับชาวคลองเป้ง
มีหลายครั้งหลายคราที่มีข่าวแว่วๆว่าทางการจะมาไล่รื้อ แต่ก็ผ่านพ้นมาได้นับสิบปี ดูไม่จริงจัง คราวนี้ต่างกับทุกครั้ง
มีเอกสารที่เตรียมพร้อมขับไล่พวกเขาอย่างแท้จริง
การวาดเส้นทางชีวิตใหม่ของชาวชุมชนคลองเป้งจึงต้องผนึกรวมใจกันอีกครั้ง
เพราะจะหาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครก็แสนจะยากลำบากสำหรับคนหาเช้ากินค่ำและจากจำนวนผู้อาศัยอยู่ในชุมชนคลองเป้งกว่า
70 ครอบครัว เหลือเพียง 45 ครอบครัวเท่านั้นที่จะร่วมหัวจมท้ายไปสร้างชุมชนใหม่ด้วยกัน ด้วยจำนวนคนที่น้อย และราคาที่ดินที่แพง
ชาวคลองเป้งกลุ่มนี้จึงหาเพื่อที่ร่วมชะตาเดียวกันตั้งสหกรณ์เคหสถานขึ้นมาเพื่อซื้อที่ดินแปลงใหญ่แล้วบริหารจัดการร่วมกัน
ความต่างที่ต้องนำมาเปรียบเทียบโครงการจัดระเบียบชุมชนริมคลองลาดพร้าวที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้น ได้ทำการรื้อบ้านชาวชุมชนไปหลายร้อย หลายพัน
หลังคาเรือนไปไว้ที่อื่น ส่วนกลุ่มที่อยู่ที่เดิมก็ต้องรื้อสร้างใหม่จำนวนมาก แต่เนื่องจากเป็นดครงการที่จะเป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาลชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวยังพอมีงบประมาณช่วยเหลือก้อนใหญ่
และอำนวยความสะดวกด้านกฎหมายปลูกสร้างบ้านอีก ทำให้การสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่อุปสรรคลดลง ส่วนชุมชนคลองเป้ง เป็นการอาศัยช่วงกระแสรื้อชุมชนริมคลองลาดพร้าว มาไล่รื้อชุมชนริมคลองย่อยต่างๆ
แต่ที่ไม่เหมือนกันคืองบประมาณที่จะช่วยเหลือชาวชุมชนเหล่านั้นกรุงเทพมหานครไม่ได้มีเหมือนกับโครงการจัดระเบียบชุมชนริมคลองลาดพร้าวเลย
รองผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครลงพื้นที่การย้ายชุมชนคลองเป้ง
อุปสรรคของชาวคลองเป้งยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
หากคำนวนเงินแล้วถ้าใช้สินเชื่อราคาถูกที่รัฐบาลจะจัดให้มานั้นด้วยวงเงินเพียง
360,000 บาทต่อครอบครัว
จะไม่เพียงพอต่อการสร้างบ้านหลังใหม่หลังจากที่ได้ซื้อที่ดินไปแล้ว หากจะเริ่มสะสมออมทรัพย์กันก็ต้องใช้ระยะเวลาอีกพักใหญ่
ชาวชุมชนจึงพูดคุยกับทางประชาคมในเขตวัฒนาเอง ซึ่งนำโดยบริษัทเบนซ์ทองหล่อ
ได้จัดกิจกรรมประมูลของต่างๆขึ้นมาเพื่อเป็นทุนสมทบสร้างชุมชนใหม่ให้กับชาวคลองเป้ง การจัดกิจกรรมคราวนั้นได้เงินระดมทุนมารวมเบ็ดเสร็จ
900,000 บาท แต่น้ำใจคนจนก็บังเกิด เงินจำนวนดังกล่าวชาวคลองเป้งไม่ได้เก็บไว้สำหรับแค่พวกเขา
แต่นำไปกระจายสำหรับทุกคนที่อยู่ในสหกรณ์เคหสถานภูมิใจเท่ากันทุกคน
ภาพการมอบเงินสมทบสร้างชุมชนใหม่ของชาวคลองเป้ง
และในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริงขึ้นมาได้หลังจากที่มีที่ดินเป็นของตนเองในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร
เมื่อเขาได้ลงนามซื้อขายในนามสหกรณ์ซื้อที่ดินบริเวณบึงนายพล ซอยประชาร่วมใจ
43 เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
แน่นอนที่เดิมย่อมไกลจากที่ใหม่
ซึ่งห่างจากที่เดิมราว 40 กิโลเมตร
และอาจจะเป็นเหตุผลใหญ่ที่ชาวคลองเป้งหลายครอบครัวไม่มาร่วมการสร้างชุมชนใหม่แห่งนี้ เนื้อที่กว่า 15 ไร่ จะเป็นชุมชนใหม่
และเป็นที่ตั้งรกรากใหม่ชองลูกหลานชาวคลองเป้ง และชาวสหกรณ์เคหสถานภูมิใจ
แผนที่เส้นทางชุมชนเดิมคลองเป้งไปยังพื้นที่รองรับแห่งใหม่ย่านบึงนายพล
ภาพพิธีการตั้งศาลพระพรหมของชุมชนภูมิใจ
วันที่ 15 ตุลาคม 2561 จะเป็นวันสุดท้ายที่เป็นเส้นตายที่ชาวคลองเป้งกับสำนักงานเขตวัฒนาว่าจะรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากแนวคลองเป้งทั้งหมดทุกหลังคาเรือน
คงเป็นวันที่ปิดตำนานเล่าขานซอกหลืบเล็กๆของสังคมเมืองอย่างเงียบๆ
ที่ไม่เป็นข่าวหน้าสื่อใดๆ แต่อย่างน้อยพวกเขายังมีความ “ภูมิใจ”
ที่ยังคงสามารถดำรงชีพในเมืองหลวงอันแสนโหดร้ายนี่ต่อไปได้ดังชื่อชุมชนใหม่ของพวกเขา
“ชุมชนภูมิใจ”