๒๐ ปี การเคลื่อนไหวเพื่อปฎิรูปที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
โดย คมสันติ์ จันทร์อ่อน กองเลขาเครือข่ายสลัม ๔ ภาค
เครือข่ายสลัม
๔ ภาค มีสมาชิกชุมชนที่อยู่ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวนมาก
สภาพความเป็นอยู่ของชุมชนแออัดในที่ดินของการรถไฟฯ จะมีลักษณะไม่เป็นระเบียบ
ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นที่ฐาน ไม่มีทะเบียนบ้าน ไม่มีน้ำประปา
ไม่มีไฟฟ้า รวมถึงการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการต่างๆตามนโยบายของรัฐบาล
คุณภาพชีวิตย่ำแย่ ถือได้ว่าเป็นพลเมืองชั้นสองของสังคมได้เลย
สภาพที่อยู่อาศัยชุมชนในที่ดินของการรถไฟฯ
ในปี
๒๕๔๑ เครือข่ายสลัม ๔ ภาค
เริ่มขยับขบวนใหญ่เพื่อให้รัฐบาลมาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในที่ดินของ
รฟท. เริ่มลงสำรวจ ทำความเข้าใจ และชักชวน เพื่อพ้องน้องพี่ ชุมชนต่างๆมาเข้าร่วมผลักดันในรูปแบบการ
“เช่าที่ดิน” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามระเบียบของการรถไฟฯ
จนสามารถรวบรวมชุมชนเบื้องต้นได้ ๖๑ ชุมชน
เป็นบัญชีรายชื่อชุมชนที่ยื่นต่อกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการขอเช่าที่ดินเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย
กระทั่งในปี
๒๕๔๓ เครือข่ายสลัม ๔ ภาค ชุมนุมใหญ่หน้ากระทรวงคมนาคมเพื่อรอฟังผลมติคณะกรรมการรถไฟฯ
เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นมติประวัติศาสตร์ของ รฟท.
เปิดโอกาสให้ชุมชนแออัดในที่ดินของ รฟท.
สามารถเช่าที่ดินเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัยได้
จากชุมชนแออัดหลังจากได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟฯ
สามารถปรับที่อยู่อาศัยเป็นชุมชนเมืองที่น่าอยู่
ภาพชุมชนบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
จากวันนั้น
ถึงวันนี้ ผ่านไป ๒๐ ปี การเดินหน้าเช่าที่ดินเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟฯ
ยังคงขับเคลื่อนไปไม่มีหยุดแม้แต่ปีเดียว
หากแต่ว่า “ทัศนคติ” ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติ ของการรถไฟฯ
กลับยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงไม่มีแนวนโยบายการแก้ปัญหาชุมชนต่างๆที่นอกเหนือ ๖๑
ชุมชน ให้ได้มีการเช่าที่ดินอย่างถูกต้อง ยังคงปล่อยให้เอกชนประมูลทับที่ดินที่เป็นที่ตั้งของชุมชน
ยังคงมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แต่คนรับผิดชอบผู้ได้รับผลกระทบกลับกลายเป็นบริษัทที่ชนะการประมูลงานมาเป็นคู่พิพาทกับชาวบ้าน
ทำให้เครือข่ายสลัม ๔ ภาค จะต้องใช้ประสบการณ์ ๒๐ ปีผ่าน
มาใช้ช่วยเหลือพี่น้องชุมชน
วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม
ของทุกปี เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก อีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้เครือข่ายสลัม ๔ ภาค
และชาวชุมชนต่างๆจะประสานใจกันออกมาเดินรณรงค์ครั้งใหญ่กว่าหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งสถานการณ์การเมืองที่รัฐบาลเองไม่ได้ใส่ใจการแก้ปัญหาของคนยากคนจน
สถานการณ์รัฐราชการที่ยังปฎิบัติตัวเป็นนายประชาชน ดำเนินคดีชาวบ้านรายวัน
จากสถานการณ์เหล่านี้เองจะส่งผลให้มีชาวชุมชนออกมาร่วมเดินรณรงค์
พร้อมข้อเรียกร้องที่รัฐจะต้องออกมาแก้ปัญหา
แน่นอนว่าวันจันทร์ที่
๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ หนึ่งในสถานที่ที่ขบวนรณรงค์จะไปหยุดนั้นคือ กระทรวงคมนาคม
พี่น้องชาวชุมชนแออัดในที่ดินของ รฟท. จะพร้อมใจกันเรียกร้องให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ
ใช้แนวทางตามมติคณะกรรมการรถไฟฯ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๓
มาใช้กับชุมชนอื่นๆด้วย
อย่างน้อยมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ คือ
๑. โครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ช่วง
ตลิ่งชัน - ศิริราช
๒. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วง
หาดใหญ่ - สงขลา
๓. โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วง
นครราชสีมา - หนองคาย
๔. โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง
เชื่อม ๓ สนามบิน
๕. โครงการก่อสร้างแก้มลิง
ริมบึงมักกะสัน
๖. โครงการพัฒนาที่ดินย่านพหลโยธิน
๗. โครงการพัฒนาที่ดินย่าน กม. ๑๑
๘. โครงการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสัน
และรวมถึงชาวชุมชนที่ยังเดือดร้อนจากการดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ
การบุกจับกุม คุมขัง ชาวบ้าน เป็นภาพที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก การจับกุมหน้าที่ทำงานต่อหน้าเพื่อร่วมงาน
การจับกุมขณะนั่งสอบในห้องเรียนต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในห้วง ๕ - ๖ ปี ให้หลัง ประสบการณ์การแก้ปัญหาร่วมกันไม่ได้ถูกนำมาใช้
แม้ว่าชุมชนที่ได้รับการเช่าที่ดินจะอยู่ห่างจากชุมชนที่ถูกดำเนินคดีไม่กี่ร้อยเมตรก็ตาม
รวมๆแล้วในทุกกรณีที่พิพาทกับการรถไฟฯ ร่วมแสนครอบครัว
จากการที่เครือข่ายสลัม
๔ ภาค ได้นำผู้เดือดร้อนจากโครงการต่างๆไปเจรจากับผู้ว่าการรถไฟฯคนใหม่ นายนิรุต
มณีพันธ์ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาของกลุ่มชุมชนแออัดในที่ดินของการรถไฟฯพื้นที่ต่างๆ
ร้องขอให้การรถไฟฯอย่าได้นำการดำเนินคดีเป็นเครื่องมือในการกำจัดคนไร้ที่อยู่อาศัยออกจากพื้นที่
และได้เสียงตอบรับจากผู้ว่าการรถไฟฯ ถึงแนวปฎิบัติที่จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
คือขุมชนสามารถอาศัยอยู่ในที่ดินของการรถไฟฯได้อย่างถูกกฎหมาย
และการรถไฟฯนำที่ดินกลับมาใช้ประโยชน์ขององค์กรตัวเองได้ด้วย (Win Win)
ภาพการประชุมร่วมระหว่างเครือข่ายสลัม ๔ ภาค และ ผู้ว่าการรถไฟฯ เมื่อวันที่
๗ สิงหาคม ๒๕๖๓
หากแต่แนวทางที่กล่าวโดยผู้ว่าการรถไฟฯจะเกิดผลสัมฤทธิ์ได้จริง
จะต้องนำไปสู่การปฎิบัติได้ และเนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกปีนี้ เครือข่ายสลัม ๔
ภาค และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพิพาทกับการรถไฟฯจะไปจัดกิจกรรมหน้ากระทรวงคมนาคม
เพื่อให้ผู้ว่าการรถไฟฯมาลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU)
ถึงแนวทางที่ได้กล่าวเอาไว้กับชาวบ้านผู้เดือดร้อนข้างต้น เป็นสัญญาประชาชน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
๒๐
ปี ผ่าน กระบวนการแก้ปัญหาของภาคประชาชนยังคงไม่หยุดนิ่ง
เป็นเพราะกลไกรัฐเองไม่เคลื่อนไหวต่อหากพลังมวลชนอ่อนล้า หรือนิ่งเฉยต่อปัญหาไป
ในวันที่ ๕ ตุลาคม ที่จะถึงนี้ จึงถือเป็นการเปิดตัวการแก้ปัญหาอย่างเป็นทางการกับผู้ว่าการรถไฟฯ
ในช่วงหลายปีที่ไม่มีผู้ว่าการรถไฟฯ เป็นการวัดใจ ความจริงใจ
การรถไฟฯจะมีเพียงลมปาก หรือ
พร้อมที่จะร่วมผลักดันแนวทางการแก้ปัญหากับประชาชนไปด้วยกัน