วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แบ่งปันที่ดินเมือง เพื่อสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย



          หลังจากสถานการณ์แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใน 7 จังหวัดสุดท้าย ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน  ถึงแม้นรัฐบาลจะเพิ่มจำนวนวงเงินในเดือนแรกให้มาชดเชยเนื่องจากได้รับบัตรช้ากว่าจังหวัดอื่นๆ  แต่ปัญหาการใช้บัตรยังคงเหมือนกันคือ “มีบัตร แต่ไม่มีที่ใช้บัตร” สุดท้ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ไม่ได้ตอบโจทย์การช่วยเหลือลดค่าครองชีพของคนจนเมืองได้สักเท่าไหร่นัก
          และในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2560 ซึ่งถือเป็นวันที่อยู่อาศัยโลก  สถานการณ์ความมั่นคงที่อยู่อาศัยในประเทศไทยก็ยังคงสั่นคลอน  ยังมีการปฏิบัติการรื้อย้ายชุมชนออกนอกเมืองอย่างต่อเนื่อง   จากนโยบายจัดระเบียบชุมชนริมคูคลองที่เดินหน้าการย้ายชุมชนออกนอกเมือง  สภาพการณ์นี้เองการช่วยเหลือ ปกป้องชุมชนคงจะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ตัวชาวชุมชน ชาวบ้าน  ที่จะต้องลุกขึ้นมารวมกลุ่มปกป้องที่อยู่อาศัยด้วยตัวเอง
          หากจะพูดถึงชุมชนเมืองโบราณหลายท่านคงจะนึกถึงชุมชนย่านเมืองเก่าต่างๆ เช่น ย่านเยาวราช ที่มีอาคารเก่า ที่สร้างมาอย่างยาวนานจนกระทั่งปัจจุบันยังคงอยู่และเป็นจุดเด่นของย่าน  หรือชุมชนป้อมมหากาฬ  ที่มีการปกป้องชุมชนไม่ให้กรุงเทพมหานครได้เข้ารื้อทำลายชุมชนโบราณแห่งนี้ที่มีสถาปัตยกรรมโบราณภายในชุมชน  และที่ทั้งสองแห่งที่กล่าวมามีเหมือนกันและหากถูกทำลายไปการสร้างขึ้นมาใหม่จะไม่สามารถทำได้อีกนั้นคือ “วิถีชีวิต” ของชุมชนโบราณเหล่านั้น


  
ภาพเหตุการณ์ไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ
               
          แต่ยังมีชุมชนโบราณที่ไม่คุ้นหู  แต่ก่อตั้งมายาวนาน   ซึ่งแน่นอนพอเวลาผ่าน  สถานที่เริ่มเปลี่ยนแปลง  จากเดิมเป็นป่ารกไม่มีความน่าสนใจ  ในปัจจุบันกลับเป็นทำเลที่สวยงามเพราะมีผู้อยู่อาศัยที่ช่วยกันดูแลรักษาตามที่พวกเขาเหล่านั้นจะทำได้
          ชุมชนบึงลำไผ่  ตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะที่กรุงเทพมหานครดูแล   เขตมีนบุรี   เป็นชุมชนเล็กๆที่มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมบางส่วน   แต่เนื่องจากการเข้ามาตั้งรกรากสมัยก่อนยังไม่มีกฎหมายที่ดิน  การประกาศเขตพื้นที่สาธารณะทับแนวเขตชุมชนเกิดปัญหามากมายกับหลายชุมชน หลายหมู่บ้านที่เป็นอยู่จนถึงปัจจุบัน   และชุมชนบึงลำไผ่นี้ก็เช่นกัน   ชุมชนตั้งมาก่อนการประกาศเขตที่ดินสาธารณะ  เริ่มต่อสู้เรียกร้องสิทธิที่ดิน ที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538   จนปัจจุบันข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
          การสู้เพื่อความมั่นคงในที่ดินที่อยู่อาศัยหลักการคิดเรื่องกรรมสิทธิ์รวมในรูปแบบโฉนดชุมชน   ถึงแม้ชาวชุมชนจะอยากสู้ถึงกรรมสิทธิ์ส่วนตัวแต่ละครอบครัว  แต่กว่า 20 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถหาข้อสรุปไม่ได้ชุมชนจึงตัดสินใจที่จะละทิ้งกรรมสิทธิ์ส่วนตัว  แล้วหันมาสู้รักษาผืนดินร่วมกันโดยใช้กรรมสิทธิ์รวมกลุ่มตามนโยบายโฉนดชุมชน
          ชุมชนท่านเลี่ยม (หลังเทคโนลาดกระบัง)  เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่เก่าแก่โบราณอยู่มาตั้งแต่สมัยที่ดินยังเป็นของท่านผู้หญิงเลี่ยม  บุญนาค (บิดาชื่อท่านเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)   ซึ่งได้แบ่งที่ดินให้ชาวบ้านได้เป็นที่อยู่อาศัย  และทำนา   อยู่อาศัยกันมาจนกระทั่งท่านเลี่ยมได้ถึงแก่กรรม   และได้ทำการยกที่ดินกว่า 1,514 ไร่ ให้กับกรมธนารักษ์  เพื่อให้หลวงได้ดูแลรักษาที่ดินต่อไป  และชาวบ้านยังคงใช้ที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพทำนากับทางธนารักษ์กันต่อมา   จากนั้นธนารักษ์ได้ยกที่ดินให้กับทางทบวงมหาวิทยาลัย  เพื่อนำมาสร้าง “สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง” (สจล.) ในปี 2514  และทางพื้นที่ชุมชนก็ถูกเบียดมาอยู่ในมุมหนึ่งติดทางรถไฟสายตะวันออก ซึ่งใกล้กับสถานีหัวตะเข้
   


ภาพความเป็นอยู่ของชาวชุมชนท่านเลี่ยมในอดีต

          และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นความไม่มั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของชุมชนท่านเลี่ยม  ในปี พ.ศ. 2545 ชาวชุมชนเริ่มมีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำประปา และไฟฟ้า  จึงได้ขอทำสัญญาเช่ากับทาง สจล. ทางชุมชนก็ได้เช่าที่ดินกับทาง สจล. เรื่อยมานับจากนั้น  แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2558 ทาง สจล. ได้หยุดเก็บค่าเช่าที่ดินและแจ้งชาวชุมชนให้ย้ายออกไป  เพราะมีเมกกะโปรเจคของทาง สจล. ในเนื้อที่ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่ตั้งของชุมชนท่านเลี่ยม
          ปัจจุบันชุมชนท่านเลี่ยมมีจำนวน 132 หลังคาเรือน ราว 500 คน  จากที่เคยอยู่ในสถานะผู้เช่าได้กลายเป็นผู้บุกรุก  หลังจากที่ สจล. ไม่ต่อสัญญาเช่า  และไม่มาเก็บค่าเช่าอย่างที่เคยเป็นทุกปี ก็มีหนังสือแจ้งให้ชาวชุมชนย้ายออกจากพื้นที่   สร้างความกังวลใจต่อพี่น้องชาวชุมชนท่านเลี่ยมเป็นอย่างมาก   เจตนารมณ์การใช้ที่ดินผืนนี้ก็ถูกเปลี่ยนไป  จากการให้ชาวบ้านอยู่อาศัย  ก็กลับกลายเป็นธุรกิจการศึกษา   และที่สำคัญแผนการไล่รื้อชาวชุมชนท่านเลี่ยม   ไม่มีมาตรการช่วยเหลือแต่อย่างใด
          สจล. เป็นสถาบันการศึกษาอีกแห่งที่ได้รับความไว้วางใจของหน่วยงานรัฐให้เป็นองค์กรการแบบ  และศึกษาผลกระทบในหลายโครงการ  ซึ่งแต่ละโครงการล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของคนจนทั้งสิ้น อาทิเช่น โครงการก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรุงเทพมหาคร หรือ โครงการเขตเศรษฐกิจใหม่ย่านสถานีแม่น้ำ บนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เขตยานนาวา  ทั้งสองโครงการใช้งบประมาณในการลงทุนระดับเมกกะโปรเจค  และที่เหมือนกันอีกอย่างคือทั้งสองโปรเจคใหญ่ชุมชนต้องถูกรื้อออกไป
          ชุมชนท่านเลี่ยมเป็นหนึ่งในชุมชนหลายแห่งที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางการกระจุกตัวของที่ดินมาตั้งแต่สมัยโบราณ   จนกระทั่งสถานะที่ดินเป็นของรัฐ  หน่วยงานรัฐก็ยังคงหวงที่ทั้งๆไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร แต่พยายามหาข้ออ้างไม่ให้ประชาชนได้เข้าถึงใช้ประโยชน์ได้
และจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในวันที่ 25 กันยาน พ.ศ. 2558 เกิดพันธกิจร่วมของประเทศ 193 ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้นด้วยที่ร่วมลงนาม คือ Sustainable Development Goals (SDGs) หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ 17 เป้าหมาย  แต่เป้าหมายที่ตรงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของที่อยู่อาศัยของคนจนเมืองใน 17 ข้อนั้น มี เป้าหมายข้อ 11 ที่กล่าวไว้คือ ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความครอบคลุม  ปลอดภัย มีภูมิต้านทานและยั่งยืน  สจล. เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำในระดับสากล  จึงควรคำนึงถึงพันธกิจร่วมกันของสังคมโลกด้วย



          หรืออีกมุมหนึ่ง สจล. ที่ยังอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐ  ได้รับการสนับสนุนพัฒนาจากเงินภาษีของประชาชน  รัฐบาลปัจจุบันพยายามสร้างยุทธศาสตร์ชาติ เป้าระยะยาวถึง 20 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องความมั่นคงที่อยู่อาศัยอยู่ด้วย   ข้อเสนอของชาวชุมชนไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของ สจล. ที่จะรับข้อเสนอนำไปปฎิบัติ  พี่น้องชุมชนท่านเลี่ยมเพียงต้องการแบ่งปันพื้นที่บางส่วนแล้วจัดเป็นโซนที่อยู่อาศัย  ส่วนที่เหลือทาง สจล. ก็ดำเนินโครงการไป (Land Sharing)    แบบนี้จึงจะได้รับชัยชนะกันทุกฝ่าย (Win Win)  การคงอยู่ของ สจล. จึงจะดำรงไปด้วยความภาคภูมิที่เป็นสถาบันสร้างคนมาเพื่อช่วยเหลือคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภัยเงียบของกลุ่มคนจนที่ดินแปลงรวม

  ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภัยเงียบของกลุ่มคนจนที่ดินแปลงรวม คมสันติ์ จันทร์อ่อน กองเลาขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค “ที่ดิน” ทรัพยากรอันมีจำก...