หลังจากสถานการณ์แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใน
7 จังหวัดสุดท้าย ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ถึงแม้นรัฐบาลจะเพิ่มจำนวนวงเงินในเดือนแรกให้มาชดเชยเนื่องจากได้รับบัตรช้ากว่าจังหวัดอื่นๆ แต่ปัญหาการใช้บัตรยังคงเหมือนกันคือ “มีบัตร
แต่ไม่มีที่ใช้บัตร”
สุดท้ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ไม่ได้ตอบโจทย์การช่วยเหลือลดค่าครองชีพของคนจนเมืองได้สักเท่าไหร่นัก
และในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2560
ซึ่งถือเป็นวันที่อยู่อาศัยโลก
สถานการณ์ความมั่นคงที่อยู่อาศัยในประเทศไทยก็ยังคงสั่นคลอน
ยังมีการปฏิบัติการรื้อย้ายชุมชนออกนอกเมืองอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายจัดระเบียบชุมชนริมคูคลองที่เดินหน้าการย้ายชุมชนออกนอกเมือง สภาพการณ์นี้เองการช่วยเหลือ
ปกป้องชุมชนคงจะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ตัวชาวชุมชน ชาวบ้าน
ที่จะต้องลุกขึ้นมารวมกลุ่มปกป้องที่อยู่อาศัยด้วยตัวเอง
หากจะพูดถึงชุมชนเมืองโบราณหลายท่านคงจะนึกถึงชุมชนย่านเมืองเก่าต่างๆ
เช่น ย่านเยาวราช ที่มีอาคารเก่า
ที่สร้างมาอย่างยาวนานจนกระทั่งปัจจุบันยังคงอยู่และเป็นจุดเด่นของย่าน หรือชุมชนป้อมมหากาฬ
ที่มีการปกป้องชุมชนไม่ให้กรุงเทพมหานครได้เข้ารื้อทำลายชุมชนโบราณแห่งนี้ที่มีสถาปัตยกรรมโบราณภายในชุมชน
และที่ทั้งสองแห่งที่กล่าวมามีเหมือนกันและหากถูกทำลายไปการสร้างขึ้นมาใหม่จะไม่สามารถทำได้อีกนั้นคือ
“วิถีชีวิต” ของชุมชนโบราณเหล่านั้น
ภาพเหตุการณ์ไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ
แต่ยังมีชุมชนโบราณที่ไม่คุ้นหู แต่ก่อตั้งมายาวนาน ซึ่งแน่นอนพอเวลาผ่าน สถานที่เริ่มเปลี่ยนแปลง จากเดิมเป็นป่ารกไม่มีความน่าสนใจ
ในปัจจุบันกลับเป็นทำเลที่สวยงามเพราะมีผู้อยู่อาศัยที่ช่วยกันดูแลรักษาตามที่พวกเขาเหล่านั้นจะทำได้
ชุมชนบึงลำไผ่ ตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะที่กรุงเทพมหานครดูแล เขตมีนบุรี
เป็นชุมชนเล็กๆที่มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมบางส่วน แต่เนื่องจากการเข้ามาตั้งรกรากสมัยก่อนยังไม่มีกฎหมายที่ดิน
การประกาศเขตพื้นที่สาธารณะทับแนวเขตชุมชนเกิดปัญหามากมายกับหลายชุมชน
หลายหมู่บ้านที่เป็นอยู่จนถึงปัจจุบัน
และชุมชนบึงลำไผ่นี้ก็เช่นกัน
ชุมชนตั้งมาก่อนการประกาศเขตที่ดินสาธารณะ
เริ่มต่อสู้เรียกร้องสิทธิที่ดิน ที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538
จนปัจจุบันข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
การสู้เพื่อความมั่นคงในที่ดินที่อยู่อาศัยหลักการคิดเรื่องกรรมสิทธิ์รวมในรูปแบบโฉนดชุมชน
ถึงแม้ชาวชุมชนจะอยากสู้ถึงกรรมสิทธิ์ส่วนตัวแต่ละครอบครัว แต่กว่า 20
ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถหาข้อสรุปไม่ได้ชุมชนจึงตัดสินใจที่จะละทิ้งกรรมสิทธิ์ส่วนตัว
แล้วหันมาสู้รักษาผืนดินร่วมกันโดยใช้กรรมสิทธิ์รวมกลุ่มตามนโยบายโฉนดชุมชน
ชุมชนท่านเลี่ยม
(หลังเทคโนลาดกระบัง)
เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่เก่าแก่โบราณอยู่มาตั้งแต่สมัยที่ดินยังเป็นของท่านผู้หญิงเลี่ยม บุญนาค (บิดาชื่อท่านเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) ซึ่งได้แบ่งที่ดินให้ชาวบ้านได้เป็นที่อยู่อาศัย และทำนา
อยู่อาศัยกันมาจนกระทั่งท่านเลี่ยมได้ถึงแก่กรรม และได้ทำการยกที่ดินกว่า 1,514 ไร่
ให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อให้หลวงได้ดูแลรักษาที่ดินต่อไป และชาวบ้านยังคงใช้ที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพทำนากับทางธนารักษ์กันต่อมา จากนั้นธนารักษ์ได้ยกที่ดินให้กับทางทบวงมหาวิทยาลัย เพื่อนำมาสร้าง
“สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง” (สจล.) ในปี 2514
และทางพื้นที่ชุมชนก็ถูกเบียดมาอยู่ในมุมหนึ่งติดทางรถไฟสายตะวันออก
ซึ่งใกล้กับสถานีหัวตะเข้
ภาพความเป็นอยู่ของชาวชุมชนท่านเลี่ยมในอดีต
และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นความไม่มั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของชุมชนท่านเลี่ยม ในปี พ.ศ. 2545
ชาวชุมชนเริ่มมีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำประปา และไฟฟ้า จึงได้ขอทำสัญญาเช่ากับทาง สจล. ทางชุมชนก็ได้เช่าที่ดินกับทาง
สจล. เรื่อยมานับจากนั้น แต่ต่อมาในปี
พ.ศ. 2558 ทาง สจล. ได้หยุดเก็บค่าเช่าที่ดินและแจ้งชาวชุมชนให้ย้ายออกไป เพราะมีเมกกะโปรเจคของทาง สจล. ในเนื้อที่ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่ตั้งของชุมชนท่านเลี่ยม
ปัจจุบันชุมชนท่านเลี่ยมมีจำนวน
132 หลังคาเรือน ราว 500 คน จากที่เคยอยู่ในสถานะผู้เช่าได้กลายเป็นผู้บุกรุก หลังจากที่ สจล. ไม่ต่อสัญญาเช่า และไม่มาเก็บค่าเช่าอย่างที่เคยเป็นทุกปี
ก็มีหนังสือแจ้งให้ชาวชุมชนย้ายออกจากพื้นที่
สร้างความกังวลใจต่อพี่น้องชาวชุมชนท่านเลี่ยมเป็นอย่างมาก
เจตนารมณ์การใช้ที่ดินผืนนี้ก็ถูกเปลี่ยนไป จากการให้ชาวบ้านอยู่อาศัย ก็กลับกลายเป็นธุรกิจการศึกษา และที่สำคัญแผนการไล่รื้อชาวชุมชนท่านเลี่ยม ไม่มีมาตรการช่วยเหลือแต่อย่างใด
สจล.
เป็นสถาบันการศึกษาอีกแห่งที่ได้รับความไว้วางใจของหน่วยงานรัฐให้เป็นองค์กรการแบบ และศึกษาผลกระทบในหลายโครงการ
ซึ่งแต่ละโครงการล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของคนจนทั้งสิ้น อาทิเช่น
โครงการก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรุงเทพมหาคร หรือ
โครงการเขตเศรษฐกิจใหม่ย่านสถานีแม่น้ำ บนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
เขตยานนาวา
ทั้งสองโครงการใช้งบประมาณในการลงทุนระดับเมกกะโปรเจค
และที่เหมือนกันอีกอย่างคือทั้งสองโปรเจคใหญ่ชุมชนต้องถูกรื้อออกไป
ชุมชนท่านเลี่ยมเป็นหนึ่งในชุมชนหลายแห่งที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางการกระจุกตัวของที่ดินมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนกระทั่งสถานะที่ดินเป็นของรัฐ
หน่วยงานรัฐก็ยังคงหวงที่ทั้งๆไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
แต่พยายามหาข้ออ้างไม่ให้ประชาชนได้เข้าถึงใช้ประโยชน์ได้
และจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในวันที่ 25
กันยาน พ.ศ. 2558 เกิดพันธกิจร่วมของประเทศ 193 ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้นด้วยที่ร่วมลงนาม คือ Sustainable
Development Goals (SDGs) หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ 17 เป้าหมาย
แต่เป้าหมายที่ตรงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของที่อยู่อาศัยของคนจนเมืองใน 17
ข้อนั้น มี เป้าหมายข้อ 11 ที่กล่าวไว้คือ
ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความครอบคลุม ปลอดภัย มีภูมิต้านทานและยั่งยืน สจล. เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำในระดับสากล จึงควรคำนึงถึงพันธกิจร่วมกันของสังคมโลกด้วย
หรืออีกมุมหนึ่ง สจล.
ที่ยังอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐ
ได้รับการสนับสนุนพัฒนาจากเงินภาษีของประชาชน รัฐบาลปัจจุบันพยายามสร้างยุทธศาสตร์ชาติ
เป้าระยะยาวถึง 20 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องความมั่นคงที่อยู่อาศัยอยู่ด้วย ข้อเสนอของชาวชุมชนไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของ
สจล. ที่จะรับข้อเสนอนำไปปฎิบัติ
พี่น้องชุมชนท่านเลี่ยมเพียงต้องการแบ่งปันพื้นที่บางส่วนแล้วจัดเป็นโซนที่อยู่อาศัย ส่วนที่เหลือทาง สจล. ก็ดำเนินโครงการไป (Land
Sharing) แบบนี้จึงจะได้รับชัยชนะกันทุกฝ่าย (Win
Win) การคงอยู่ของ สจล.
จึงจะดำรงไปด้วยความภาคภูมิที่เป็นสถาบันสร้างคนมาเพื่อช่วยเหลือคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น