ชุมชนจักรยาน
– ศรีทอง มุมมืดที่สังคมมองไม่เห็น
คมสันติ์ จันทร์อ่อน
กองเลขาเครือข่ายสลัม 4 ภาค
ในห้วงเวลาที่สังคมกำลังจับจ้องเรื่องการเมืองที่ผันแปรที่ไม่รู้ว่าจะเลื่อนการเลือกตั้งตามที่โรดแมฟของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติตั้งไว้หรือไม่
ส่วนความชัดเจนอนาคตอันใกล้ยังคงต้องอยู่กับรัฐบาลปัจจุบันไปจนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จและประกาศการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วงปลายปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมติ ครม.
มากมายที่จะพยายามกระตุ้นเศษฐกิจโดยผ่านการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่น การแจกเงินสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
, การช่วยจ่ายค่าน้ำ – ค่าไฟ , การลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าภายในประเทศบางรายการ
หรือแม้แต่การประกาศโครงการบ้านล้านหลังให้คนจนผ่อนราคาถูก
แต่นโยบายเหล่านั้นกลุ่มคนจนกลุ่มหนึ่งแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย อย่างที่เคยกล่าวเกณฑ์การคัดเลือกผู้ที่ควรได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่หละหลวม และบกพร่อง
ทำให้เกิดการผิดฝา ผิดตัว กันมากมายที่เห็นตามหน้าข่าว เห็นกลุ่มคนมีฐานะบางคนได้บัตร ส่วนกลุ่มคนจนบางคนไม่ได้บัตร
และนโยบายที่กำหนดมาไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่คนยากจนจะได้รับ เช่น
การช่วยจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ นั้นชาวชุมชนแออัด หรือ สลัม
หมดสิทธิ์ที่จะได้รับอานิสงส์นี้แน่ๆ
เพราะชุมชนส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองนั้นจะต้องซื้อไฟ ซื้อน้ำ จากเอกชนข้างเคียงเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่แพงมากกว่าปกติ นี่คือข้อเท็จจริงที่คนจนเมืองกำลังเผชิญอยู่
แต่นโยบายที่ออกมาไม่ได้เข้ามาช่วยเหลืออะไรกับกลุ่มคนเหล่านี้เลย
จึงขอยกตัวอย่างสักหนึ่งชุมชนให้ได้รู้จักกัน
คือ ชุมชนจักยาน – ศรีทอง ที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีผู้อยู่อาศัยราว 300 หลังคาเรือน
ตั้งอยู่ติดกับถนนสุขสวัสดิ์
ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ อยู่อาศัยมาแล้วกว่า 30 ปี โดยไม่มีผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของที่ดินตลอดระยะเวลาการอยู่อาศัยมา แม้หากดูจำนวนหลังคาเรือนที่ดูเยอะ แต่ชุมชนนี้กลับถูกปิดเงียบในมุมมืดของสังคม เพราะขนาดหน่วยงานที่ต้องคอยดูแลสารทุกข์
สุขดิบ
ของพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่อย่างองค์การบริหารส่วนตำบลยังไม่เคยที่จะสร้างตัวตนว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นประชากรในเขตพื้นที่ของตนเอง
สภาพที่อยู่อาศัยชุมชนจักรยาน – ศรีทอง
สภาพความเป็นอยู่ชาวชุมชนไม่มีทะเบียนบ้านเป็นของตัวเอง
ถึงแม้เขาจะสร้างที่อยู่อาศัยเองแต่พวกเขาจะต้องไปขออาศัยทะเบียนบ้านคนละแวกนั้นอาศัยอยู่ในเล่มทะเบียนด้วย
และแน่นอนเมื่อไม่มีทะเบียนบ้านเป็นของตนเองการขอน้ำประปา และไฟฟ้า
เข้ามาใช้ย่อมทำไม่ได้
การแก้ปัญหาของชุมชนจึงต้องไปซื้อไฟฟ้า – ประปา
บ้านที่อยู่แถวนั้นพ่วงเข้ามาให้เพื่อนๆในชุมชนได้ใช้ร่วมกัน และตามเกณฑ์การคิดค่าไฟฟ้าที่เป็นแบบระบบก้าวหน้าขั้นบันไดยิ่งใช้เยอะจะต้องเสียค่าบริการต่อหน่วยเยอะตามไปด้วย ชุมชนจักยาน – ศรีทอง ต้องแบกค่าน้ำประปาต่อหน่วยอยู่ที่ราคา 25 – 28
บาทต่อหน่วย ส่วนค่าไฟฟ้าอยู่ที่ราคา 7 –
10 บาทต่อหน่วย
ซึ่งแพงกว่าค่าบริการปกติอยู่ถึง 2 เท่า
แต่เขารักและหวงแหนที่อยู่อาศัยที่เขาอยู่มาที่บางคนอาศัยอยู่มาตั้งแต่เขาเกิด หัดเดิน
อยู่พื้นที่นี้เอง
แต่ความสุขปนทุกข์ของชาวชุมชนจักรยาน
– ศรีทอง ก็มีอันต้องยุติลงเมื่อมีกลุ่มคนที่แสดงตนว่าเป็นตัวแทนของเจ้าของที่ดิน
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา
ปักป้ายประกาศเตือนแจ้งให้ชาวชุมชนย้ายออกภายใน 90 วัน ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับชาวชุมชน ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาในช่วงกลางเดือนมกราคม
พ.ศ. 2562 นี้
ส่งผลให้เกิดความกังวลถึงที่อยู่อาศัยในอนาคต พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปไหนกัน เพราะส่วนใหญ่อยู่กันมานานตั้งแต่เกิด ไม่เคยย้ายไปไหน นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่จะพลิกเปลี่ยนชาวชุมชนจักรยาน
– ศรีทอง
สภาพชุมชนจักยาน – ศรีทอง
ปัญหาการไล่รื้อเป็นของคู่กับสลัมมาอย่างช้านานจนถึงปัจจุบัน แต่ชาวจักรยาน – ศรีทอง ก็มิได้นั่งเฉย
เขาเริ่มรวมกลุ่มกันจากที่เมื่อก่อนต่างคนต่างอยู่
ตอนนี้เริ่มออมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยที่มั่นคงผ่านมา 2 เดือน มีเงินราว
14,200 บาท
แม้จะเป็นเงินจำนวนน้อยนิดถ้าเทียบกับปัญหาอันใหญ่หลวงที่กำลังถาโถมเข้ามานั้น
อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ชุมชนได้ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
และเริ่มเคลื่อนไหวต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดชอบดูแลสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยนั้นก็คือ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 ตัวแทนชุมชนราว 10
คนได้ไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เพื่อให้เป็นคนกลางในการประสานงานให้เกิดการพูดคุยกับคู่พิพาทที่ดิน
ภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 และได้ไปยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
(องค์การมหาชน) ที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลนโยบายโครงการบ้านมั่นคง
ภาพตัวแทนชุมชนยื่นหนังสือถึง รมต.พม. และ ผอ.พอช.
และตามที่รัฐบาลได้มีแผนแม่บทที่อยู่อาศัยระยะ
20 ปี เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย การแก้ปัญหาชุมชนจักรยาน – ศรีทอง จึงมีความจำเป็นที่ต้องให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
เป็นกลไกการไกล่เกลี่ยเจรจาในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน การแบ่งปันที่ดินสำหรับคนที่มีที่ดินเยอะให้กับคนไร้ที่ดินอย่างสมเหตุสมผล ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่แก้ปัญหาได้ดังที่เห็นในหลายกรณีในที่ดินรัฐ
หรือแม้แต่การซื้อที่ดินแลกเปลี่ยนให้กับชาวบ้านก็สามารถเป็นแนวทางที่ดีที่เจ้าของที่ดินเอกชนเคยทำมาแล้ว
เช่น กรณีการย้ายชาวชุมชนริมทางรถไฟโค้งอโศก ที่เจ้าของซื้อที่ดิน 15 ไร่ ให้ชาวชุมชนไปสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่เลย
หรือ
กรณีชุมชนริมทางด่วนบางนาเองเจ้าของที่ดินก็มีแผนที่จะซื้อที่แลกให้กับชาวชุมชนเช่นกัน
หากเป็นเช่นนี้การแก้ปัญหาพิพาทที่ดินก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปจบกันที่ศาลอีกต่อไป
ภาพการประชุมชุมชนกันเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา
แต่อนาคตชุมชนจักรยาน
– ศรีทอง จะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป
หากสามารถพูดคุยกันได้กับเจ้าของที่ดินดังตัวอย่างที่ยกมาข้างต้น
ก็จะได้เป็นบรรทัดฐานที่ดีในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชาวชุมชนแออัด ส่วนอนาคตการปฎิรูปที่ดินให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม
ที่จะช่วยแก้ปัญหาถึงต้นตอสาเหตุที่ทำให้เกิดการกักตุนที่ดิน
เกิดกลุ่มคนไร้ที่ดิน นั้น เครือข่ายสลัม 4 ภาค และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ยังคงต้องหาแนวร่วมการขับเคลื่อนกันอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น